hifu กับการลดไขมันส่วนเกิน

 
 

High-intensity focused ultrasound

อัลตราชาวด์เป็นที่รู้จักอยู่แล้วในการแพทย์และใช้อย่างแพร่หลายในรังสีวิทยา ในด้านการวินิจฉัยโรค High-intensity focused ultrasound (HIFU) เป็นการนำคลื่นเสียงความถี่สูงที่สามารถปล่อยคลื่นเสียงออกโดยโฟกัสเฉพาะจุด การรักษาที่ได้รับความนิยมมากในขณะนี้คือการนำมาใช้เพื่อลดการหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อชั้น SMAS บนใบหน้า แต่นอกจาก SMAS แล้ว HIFU ยังได้ถูกนำมาใช้เพื่อทำลายไขมันชั้นใต้ผิวหนังด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นการใช้เทคโนโลยี HIFU เพื่อสลายไขมันส่วนเกินอาจช่วยในการยกกระชับ และ ทำให้ผิวหนังดูเรียบขึ้นอีกด้วย

 

เมื่อ HIFU ปล่อยพลังงานลงสู่ไขมันจะทำให้อุณหภูมิในจุดที่โฟกัสสูงถึง 70 องศาเซลเซียสหรือมากกว่า ความร้อนที่สูงทำให้เกิด coagulative necrosis และ apoptosis ของเซลล์ไขมัน ซึ่งเป็นหลักการเดียวกันกับการใช้คลื่นวิทยุ หลังจากเกิดการตายของเซลล์ไขมัน ร่างกายจะค่อยกำจัดเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกจากบริเวณที่รักษา 

เทคโนโลยีอัลตราชาวด์เพื่อสลายไขมันยังเป็นวิธีที่ค่อนข้างใหม่ แต่การนำไปใช้ควบคู่กับการดูดไขมัน (ultrasound-assisted liposuction) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดไขมันได้มีมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ทั้งนี้เครื่องที่ใช้ high-intensity focused ultrasound ในการสลายไขมันแบบ non-invasive เริ่มเป็นที่นิยมสูงขึ้นและเชื่อว่าจะมีการพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆในอนาคต

 

 

 
 

Other techniques: massage,
lasers and light sources

วิธีสลายไขมันอื่น ๆ ที่ได้รับความนิยมน้อยลงมา ได้แก่ การนวดสลายไขมัน และ การใช้เลเซอร์และแสง ถึงแม้วิธีที่กล่าวมานี้จะมีผลลัพธ์ที่ไม่ดีเท่า cyolipolysis RF และ HIFU แต่ก็ยังมีประโยชน์ในการใช้ร่วมกับวิธีหลักเพื่อเพิ่มประสิทธิผลในการสลายไขมันการนวดเป็นวิธีแรก ๆ ที่นำมาใช้ในการสลายไขมัน เป็นเครื่องที่ใช้สำหรับนวดผิวหนังและไขมันชั้นใต้ผิวหนัง handpiece ของเครื่องนี้สามารถสร้าง positive และ negative pressure ในชั้นใต้ผิวหนังเพื่อทำให้เกิดการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลืองเพิ่มขึ้น ซึ่งเชื่อว่าการไหลเวียนที่เพิ่มขึ้นนี้จะสามารถเปลี่ยน
โครงสร้างของเนื้อเยื่อไขมันและลดความขรุขระของผิวหนังที่เกิดจาก cellulite ได้ ทั้งนี้งานวิจัยต่าง ๆ รายงานว่า การใช้วิธีนี้ในการสลายไขมันอาจช่วยลดไขมันและ cellulite ได้บ้างแต่ค่อนข้างน้อย และไม่ยั่งยืน อีกทั้งยังต้องมีการทำซ้ำเรื่อย ๆ เพื่อทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ต้องการวิธีนี้จึงไม่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน

การใช้เลเซอร์และแสงในการสลายไขมันเป็นที่นิยมใช้ร่วมกับวิธีอื่น เช่น การดูดไขมัน (laser-assisted liposuction) การนวด และradiofrequency เป็นต้น ในแง่ของทฤษฎี การใช้แสงหรือเลเซอร์ไม่ได้ทำลายหรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของไขมันโดยตรง แต่เชื่อว่าอาจมีการกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของคอลลาเจนในชั้น dermis เพื่อลดความขรุขระของผิวหนังที่เกิดจาก cellulite ในปัจจุบันเริ่มมีการพัฒนาเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นในระดับเดียวกับ absorption peak ของไขมัน (1210และ 1720 nm) ซึ่งตามทฤษฎีแล้วจะสามารถเข้าถึงและทำลายไขมันได้โดยตรง ทั้งนี้ยังไม่มีเครื่องที่ใช้เทคโนโลยีนี้อยู่ในปัจจุบัน และยังคงต้องใช้เวลาในการศึกษาวิจัยเพื่อนำมาใช้ในอนาคต


Combined techniques

จากที่ได้กล่าวไปแล้ว การใช้การนวด เลเซอร์และแสงร่วมกับเทคโนโลยีอื่น ๆ สามารถทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น และเมื่อนำงานวิจัยของเทคโนโลยีต่าง ๆ มาเปรียบเทียบกันก็จะเห็นได้ว่าการสลายไขมันโดย combined techniques นั้นสามารถลดไขมันได้ในปริมาณที่มากกว่าการใช้เทคโนโลยีแบบเดียว ดังนั้นเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจึงแนะนำให้ใช้ทคโนโลยีหลายวิธีรวมกันนอกจากนี้ การนำหลาย ๆ เทคนิคมารวมกันจะสามารถช่วยให้รูปร่างของผู้รับการรักษาดีขึ้นในด้านอื่น ๆ ด้วย ตัวอย่างเช่น การใช้radiofrequency ร่วมกับ การนวด นั้นสามารถทำลายเซลล์ไขมันได้ เมื่อนำมารวมกับการกระตุ้น dermis และการสร้าง collagen ของการนวด และแสง infrared จึงสามารถลดไขมันและผิวขรุขระที่เกิดจาก cellulite พร้อมกับทำให้เกิดการยกกระชับได้ในเวลาเดียวกัน

 

สรุป

แนวโน้มของการใช้ เครื่องมือที่ non invasive มาลดไขมันกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆเพราะผลข้างเคียงน้อยกว่าแบบ invasive และยังมีประสิทะฺภาพในการยกกระชับผิวหนังและอาจลดความขรุระของผิวหนังอันเกิดจาก cellulite ได้ด้วยแต่การดูดไขมันก็ยังถือเป็น gold standard อยู่รวมทั้งการควบคุมอาหาร และนอกเหนือจากการทำ hifu เพียงอย่างเดียวการทำร่วมกับการนวดและการใช้คลื่นวิทยุก็ได้ผลดียิ่งขึ้น